สานฝันเด็กเก่งสู่การเรียนรู้หลักสูตรผู้นำระดับโลก
ทุนซีพี “สานฝัน” เยาวชน ป้อนหลักสูตรผู้นำ สร้าง “ผู้นำ” ยุคใหม่รับใช้ประเทศ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้ทุนการศึกษากับมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2522 ปัจจุบันเป็นเวลากว่า 39 ปีแล้ว ในปีนี้นักศึกษาทุนจะได้เข้าอบรมหลักสูตรผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นเวลา 5 วัน โดยเครือฯมุ่งเน้นไม่เพียงให้ทุนการศึกษา 30,000 บาท เพื่อผ่อนเบาภาระครอบครัว แต่ยังต้องการพัฒนาเยาวชนให้เป็น “ผู้นำที่ดีและเก่ง” ในอนาคต พร้อมกับมีจริยธรรมและจิตอาสาควบคู่กันไป
ในช่วงเวลา 5 วัน ณ สถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ นักศึกษาทุนได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและได้มีโอกาสเรียนหลักสูตรผู้นำระดับโลก ที่ใช้อบรมผู้บริหารระดับสูงของเครือฯ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการปฏิบัติงานจริง (Action Learning) เพื่อหล่อหลอมเยาวชนคนรุ่นใหม่ของสังคมไทยพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้ง 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ และโครงการสานพลังประชารัฐด้านการศึกษา
ไม่เพียงแต่ได้ความรู้จากการอบรม แต่นักศึกษาทั้งหมดยังได้เรียนรู้จากการร่วมทำกิจกรรมต่างๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งก่อให้เกิดแรงบันดาลใจและได้รู้จักการทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ การรวมตัวของพวกเขา ยังมีผลพลอยได้ตามมาคือ ช่วยสร้าง “เครือข่าย” ระหว่างเพื่อนต่างสถาบัน ซึ่งพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากพลังกลุ่ม ริเริ่มทำโครงการสังคมต่างๆ เพื่อช่วยพัฒนาประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนในมิติต่างๆ ได้
“หนูสนุกมาก ระหว่างทำกิจกรรมของหลักสูตรผู้นำ หนูได้เพื่อนเกือบทั่วประเทศ ได้รู้ว่าเพื่อนรุ่นเดียวกับหนูเขาคิดอะไร ได้มุมมองใหม่ๆจากพวกเขา” ธนาภา บอกเล่าพร้อมรอยยิ้ม
หลักสูตรผู้นำได้ดึงชีวิตอีกด้านของเหล่าบรรดานักศึกษาออกมา รวมถึงธนาภาด้วย เธอบอกว่า หลักสูตรสอนมีกิจกรรมต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะสอนเรื่องการสื่อสาร มารยาทในสังคม หรือการตรงต่อเวลา และที่สุดในสิ่งที่เธอได้คือ หากจะเป็นผู้นำต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ และที่ลืมไม่ได้คือ ผู้นำต้องมีจริยธรรมด้วย
เช่นเดียวกันกับ สายฟ้า เธอบอกว่า หลักสูตรผู้นำนี้ให้อะไรกับเธอมาก สอนให้เธอปรับเปลี่ยนตัวเองและมีจุดมุ่งหมายในชีวิต จากเดิมเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มนักกิจกรรมร่วมโครงการต่างๆของมหาวิทยาลัย แต่การอบรมครั้งนี้ ทำให้เธอมีความคิดที่จะขยับบทบาทตนเองขึ้นเป็นผู้นำในอนาคต
“หลักสูตรสอนให้เริ่มจากตัวเรา เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเองก่อนเปลี่ยนแปลงให้คนรอบข้างดู และค่อยไปแนะนำคนรอบข้างต่อไป”
ส่วนอัครพงศ์ มีความเห็นไม่ต่างจากสองสาว การจะเป็นผู้นำที่ดีต้องเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย พร้อมกับต้องทำงานอย่างเที่ยงตรง รอบคอบ มีจริยธรรม และยังต้องคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่ควรคิดประโยชน์ส่วนตน
สำหรับอัครพงศ์ น้องเค้าอยากทำงานมั่นคง เพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว โดยจะออกจากบ้านมุ่งหน้าจากบ้านเกิดเข้าเมืองหลวงเพื่อล่าฝัน มองหาอาชีพ ซึ่งอาจจะเป็นอาจารย์หรือนักเคมีในโรงงาน ก่อนที่จะเรียนต่อปริญญาโทในสาขาเคมีในอนาคต
เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราจะเห็นเยาวชนกลุ่มนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพโลดแล่นอยู่ในสังคมไทย มีทั้งองค์ความรู้จาก “โลกวิชาการและโลกทำงานจริง” ผสมผสานกลายเป็นองค์ความรู้ใหม่ เพื่อช่วยพัฒนาประเทศชาติและสังคมให้น่าอยู่และยั่งยืนต่อไป